วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

โรคไอกรน


สาเหตุ

เกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis    ซึ่งจะมีอยู่ในปาก และลำคอผู้ป่วย

อาการและการติดต่อ

โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทำให้ติดต่อได้โดยตรงจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วย ด้วยการไอ จาม  หรือหายใจ
รดกัน หรืออาจติดต่อโดยการใช้ผ้าเช็ดหน้า ภาชนะในการดื่ม และรับประทานอาหารร่วมกับผู้ป่วย ระยะที่ติดต่อกันได้ คือ ระยะ
3 สัปดาห์แรกที่เริ่มเป็นโรคนี้ ระยะฟักตัว ประมาณ 7-10 วัน มีอาการเหมือนเป็นหวัดมีน้ำมูกและไอ  ซึ่งแยกได้ยากจากหวัด
ธรรมดา แต่จะสังเกตได้ว่า อาการไอจะเรื้อรังเป็นแบบไอแห้งๆ  ไม่มีเสมหะ และทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 2
พอถึงสัปดาห์ที่ 3 อาการไอจะเป็นแบบไอกรน คือ ลักษณะการไอ จะไอติดๆ กัน จากนั้นหยุดแล้วหายใจเร็วและสั้น จึงมีเสียงวูฟ
แล้วมีอาการต่อไปอีกนาน 4-6 สัปดาห์ บางรายอาจจะนานถึง 10 สัปดาห์ หลังจากนั้น อาการไอซ้อนถี่ๆ จะค่อยลดลง แต่จะยังไอ
ต่อไปอีก 2-3 สัปดาห์ และจะหมดอาการของโรคเมื่อครบ 3 เดือนโดยประมาณ โรคแทรกซ้อนอาจจะเกิดปอดบวมในเด็กเล็ก
อาจจะมีอาการชักขณะที่ไอมากจนหายใจไม่ทัน หน้าเขียวเพราะสมองขาดเลือดไปเลี้ยง อาจพบมีจุดเลือดออกที่หนังตาหรือใน
เยื่อตาก็ได้ เด็กอาจจะมีน้ำหนักตัวลด เพราะไอมากจนนอนไม่ได้เต็มที่ และได้อาหารไม่เต็มที่เนื่องจากอาเจียนหลังการไอ
ไอมากๆ ความดันในช่องท้องสูงขึ้น อาจจะเกิดไส้เลื่อนได้ เจ็บชายโครงจากกล้ามเนื้อทำงานมากอักเสบ ถ้าเป็นวัณโรคอาการ
ก็จะกำเริบขึ้นได้

โรคนี้พบมากในเด็กทุกเพศทุกวัย  ที่มีอายุต่ำกว่า ปี   ในชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น   มักพบ
ผู้ป่วยด้วยโรคนี้สูง

การป้องกัน

ให้เด็กได้รับภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรน และโรคอื่น ๆ ตามกำหนด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น